สวัสดีครับ ผมชื่อ ไมล์ ฮิลตัน บาร์เบอร์ เป็นคนตาบอดผมไม่มีประสบการณ์ในการปีนเขาใดใด ทั้งสิ้นแต่ผมความฝันที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ผมอยากจะปีน
ยอดเขาเอเวอร์เรส และอยากขอร้องให้คุณเป็นคนนำทาง ผมขึ้นไปบนนั้น ผมจะเป็นคนตาบอดคนแรกของโลกที่พิชิตยอดเขา เอเวอร์เรส ผมเชื่อว่าพวกเราจะ
เป็นคนกลุ่มแรกของโลกครับ คุณว่ามันยิ่งใหญ่มากใช่ไหมครับ ไมล์ กล่าวแนะนำตัว และพยายามที่จะวาทะที่เตรียมมาชักจูงใจคู่สนทนา อย่างสุดชีวิต
เสียงปลายทางที่รับสายนั้นเงียบไปนาน จนไมล์ต้องเอ่ยปาก ถามว่า
ขอโทษ เถอะครับ คุณยังอยู่ในสายหรือไม่ครับ
อ๋อ ยังอยู่ครับ แต่ขอโทษที เรื่องของคุณที่พูดเมื่อตะกี้นี้ ขอบอก ตรงๆ ว่า
มันเป็นเรื่องโง่โง่ที่สุด เท่าที่เคยได้ยินมา และขอบอกว่าคุณ ควรเลิกคิดอะไรบ้าๆ อย่างนี้ได้เลย ผมไม่ฆ่าตัวตายในเรื่อง โง่ โง่ที่แสนจะงี่เง่า แบบนี้แน่นอน
น้ำเสียงต่อมาของผู้สนทนาในสาย เต็มไปด้วยความดูถูกและความเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น แต่ไมล์ ยังไม่ยอมแพ้และพยายามพูดตื้อคนที่ปลายสาย
เพื่อการขอเข้าพบเป็นการส่วนตัวเพื่ออธิบาย ในเรื่องต่างต่างที่มันอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจของเขา
จนเขาทั้งคู่ได้พบกันเป็นครั้งแรกที่สำนักงานของคนตาบอด ในกรุงลอนดอน เวลาเกือบสองชั่วโมงที่คนตาบอดอย่าง ไมล์ พยายามหาเหตุผล ร้อยแปดพันเก้า
มาโน้มน้าว พ. อ. ไมค์ เคียฟฟอร์ด ต้องการแต่ พ.อ. ไมค์ ก็ยังปฎิเสธเหมือนเดิมและยังย้ำอีกว่า มันยังคงเป็นเรื่องโง่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาอีกครั้ง และอีกหลายครั้งติดต่อกัน
แต่ในที่สุด พ.อ. ไมค์ เคียฟฟอร์ด หลังจากอดทนฟังและฟังคนตาบอดอย่างไมล์ สาธยายจนหูแทบชา เกี่ยวกับตัวเขาและความตั้งใจที่มุ่งมั่นหมดสิ้นแล้ว
เขาก็เงียบไปนานมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ ที่น่าอึดอัด และแล้วเขาก็ยืนขึ้นและพูดขึ้นว่า
เอาหล่ะแม้ผมจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่โง่และบ้าที่สุดในโลก แต่ผมคิดว่าคุณทำได้ และผมก็ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ก็ตาม ผมจะเป็นคุณพาคุณขึ้นไปเอง
ไมล์ เดินตรงเข้ากอดครูฝึกคนใหม่ของเขาที่มีชื่อ คล้ายๆกัน และเริ่มร้องให้เหมือนกับเด็กเล็กๆคนหนึ่ง เริ่มมีคนเข้าใจในตัวเขา และความฝันโง่โง่ของเขาที่
หลายคนหัวเราะเมื่อได้ยิน
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไมล์ และครูฝึกของเขาใช้เวลาในทุกวินาทีอย่างมีค่า ฝึกการเอาชีวิตให้รอดในสภาพที่คับขัน การล้ม การยืนนิ่ง การปีนเขาขึ้นไปใน
แต่ละขั้นตอน เพื่อเป้าหมายจะพิชิตยอดเขาแห่งความฝัน หรือยอดเขาเอเวอร์เรสร่วมกัน
จนในเดือนมีนานคม ค.ศ.2000 เขาก็เริ่มฝึกปีนเขาในลูกที่ต่ำกว่าก่อน และที่เทือกเขาหิมาลัยนี่เอง ที่ได้ท้าทายความคิดของเขาอีกครั้งเมื่อเขาถูกหมอตรวจว่า
เขาเริ่มมีอาการของคนที่เริ่มเป็นโรคหัวใจวาย
และต้องหยุดปีนเขาเพราะมันอาจจะทำ ให้เขาตายได้....
แต่เขายังไม่เชื่อหมอคนนี้ ต่อให้มีหมอสิบคน บอกกับเขาก็ไม่มีความหมายอะไร เขาไม่ฟังหมอที่ขี้กลัวพวกนั้น เขาต้องไปหาคนที่บอกว่าเขาทำได้เท่านั้น
และไมล์ ได้ไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญ อีกหลายคน จนเริ่มมั่นใจว่า ตัวเขาไม่ได้เป็นโรคร้ายนี้ และเขาพิสูจน์ด้วยการปีนเขา คีรีมานจาโร เขาก็ทำได้สำเร็จและไปปีนเขามองบลังค์ต่อ ที่เขามองบลังค์แห่งนี้นั้น ในก่อนหน้าที่เขาจะปีนนั้น มีคนตาดีตายไปถึงห้าคนในการปีนเขา แต่เขาก็สามารถพิชิตมันได้ พิชิตความกลัวที่หลายๆคนกลัว
และเขาพยายามที่เป็นคนตาบอดคนแรกของโลก ที่เดินทางด้วยเลื่อนน้ำแข็งข้ามทวีปแอนตาร์คติก การเดินทางครั้งนี้แสนจะหฤโหดกว่าทุกครั้งในชีวิตที่เขาเคยผ่านมันมาได้
ใน 37 วันที่โหดร้าย เขาและคณะต้องตัดสินใจยอมแพ้ ยุติการเดินทางนั้น เพราะประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เขาต้องหยุด ความฝันในเรื่องของการพิชิตเขาเอเวอรเรสต์ เพราะร่างกายเขาไม่สามารถทนกับความหนาวเย็นได้ นิ้วมือยังเจ็บทุกครั้ง เมื่อกระทบกับความเย็นจนถึงทุกวันนี้
แต่ใช่ว่าเขาจะหยุดยั้ง ในเรื่องที่ท้าทาย เมื่อไปในที่หนาวเย็นไม่ได้ เขาก็เปลี่ยนแนวไปลุยต่อในทะเลทราย และอีกหลายรายการที่คนตาดีต้องอ้าปากค้าง ไปหลายตลบ
เขาเชื่อว่า ใช่ บางอย่างเขาทำไม่ได้